โรคอ้วนลงพุง Metabolic syndrome
โรคอ้วนลงพุงหรือ Metabolic syndrome เป็นภาวะที่อ้วนโดยเฉพาะส่วนเอวและทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายหลายระบบ Metabolic syndrome คำนี้เป็นคำศัพท์ทางการแพทย์ที่ใช้การอย่างแพร่หลาย หมายถึงกลุ่มโรคที่เกิดจากการเผาผลาญอาหารที่ผิดปกต ิส่งผลทำให้เกิดโรคไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง มีภาวะดื้อต่ออินซูลิน ในที่สุดจะเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสูง สมัยก่อนเรียกกลุ่มโรคนี้ว่า Syndrome X, insulin resistance syndromeเกณฑ์การวินิจฉัยโรคอ้วนลงพุง Metabolic syndrome

- จะต้องเป็นอ้วนชนิดลงพุง กล่าวคือมีเส้นรอบเอวมากกว่า 90 ซม. 80 ซม.ในชายและหญิงตามลำดับ
- ความดันโลหิตมากกว่า 130/85 มม ปรอทหรือผู้ที่ได้รับยาลดความดันโลหิต
- ระดับ Triglyceride >150 mg% ,หรือผู้ที่เป็นไขมันสูงและได้รับยาลดไขมัน
- ระดับ HDL > 40,50 mg%สำหรับชายและหญิงตามลำดับ หรือผู้ที่ได้รับยาลดไขมัน
- ระดับน้ำตาลสูงกว่า 100 mg% หรือผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานชนิดที่2
คนกลุ่มใดที่มักจะเป็นโรคอ้วนลงพุง
- ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่2
- ผู้ที่เป็นความดันโลหิตสูง และมีระดับอินซูลินในเลือดสูง
- ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ
สาเหตุที่แท้จริงยังไม่มีใครทราบ แต่น่าจะเกิดจากภาวะดื้อต่ออินซูลิน
- พันธุกรรม
ประเทศในกลุ่มยุโรป(อเมริกาใช้ 102,88 ซม)
| ||
ประเเทศในเอเซียใต้(จีน อินเดีย มาเลเซีย)
| ||
ประเทศจีน
| ||
ประเทศญี่ปุ่น
|
- อาหารที่เรารับประทาน
- พฤติกรรมการดำรงชีวิต
การเกิด Metabolic syndrome จะเกิดก่อนการเกิดโรคเบาหวาน ปริมาณอินซูลินที่สูงจะทำให้มีไขมันในเลือดสูง ทำให้เกิดการทำลายเซ,,ืผิวของผนังหลอดเลือดรวมทั้งมีผลต่อไต ดูกลไกการเกิดโรค
วิธีการวัดเส้นรอบเอว
- ใช้สายเมตรธรรมดา
- วัดรอบเอวเหนือสะโพก
- ให้สายขนานกับพื้น
- อย่าให้สายรัดแน่เกินไป
- วัดขณะที่หายใจออกเต็มที่
- อายุ พบว่าอายุมากมีโอกาศที่จะเป็นภาวะนี้สูง ผู้ที่มีอายุ 20จะพบภาวะนี้เพียงร้อยละ10 คนที่อายุ 60จะมีอัตราการเกิดร้อยละ 40
- เชื้อชาติ คนผิวดำจะมีโอกาศมากกว่าปกต
- คนอ้วนจะมีโอกาศมากกว่าคนผอม
- ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคเบาหวานจะมีโอกาศเป็นโรคสูง
- โรคอื่นๆเช่นความดันโลหิตสูง
เป็นที่ทราบกันแล้วว่าหากเป็นโรคในกลุ่มนี้แล้วจะมีโรคหลายระบบเช่น
- โรคอ้วน โดยเฉพาะผู้ที่มีเอวมากกว่ากำหนด
- โรคความดันโลหิตสูง
- โรคเบาหวาน
- ไขมันในเลือดสูง
- ทำให้หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบจึงเกิดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้ง่าย
- ไตจะขับเกลือออกได้น้อยลงทำให้เกิดความดันโลหิตสูง
- ไขมัน triglyceride ที่สูงเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดหลอดเลือดตีบ
- เลือดจะแข็งตัวได้ง่ายทำให้อุดหลอเดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจหรือสมอง
- เป็นโรคเบาหวานได้ง่าย
เมื่อผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นกลุ่มโรค Metabolic Syndrome จะต้องได้รับการรักษาเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดและโรคเบาหวาน และจะต้องได้รับการประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดอื่นด้วย
การรักษาโดยการปรับพฤติกรรม
- การออกกำลังกาย วันละ 30 นาทีสัปดาห์ละ 5 วันจะลดการเกิดโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน
- การับประทานอาหารสุขภาพ ลดอาหารไขมันลง และรับอาหารพวกแป้งไม่เกินร้อยละ 50 ของอาหารที่รับประทาน ให้รับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่นอาหารธัญพืช ข้าวกล้อง ผัก ถั่ว ลดอาหารพวกเนื้อสัตว์ ใช้น้ำมันถั่วเหลืองแทนน้ำมันปามล์ งดกระทิ
- ลดน้ำหนัก จากการศึกษาของประเทศฟินแลนด์และอเมริกาพบว่าการลดน้ำหนักลงร้อยละ 5-10 ของน้ำหนัก จะชลอหรือลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน
- ลดสุรา
การรักษาโดยการใช้ยา
เมื่อปรับปรุงพฤติกรรมแล้วปรากฎว่ายังไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาล ไขมันหรือความดันโลหิตได้ จึงจำเป็นต้องใช้ยาในการควบคุมการรักษาไขมันในเลือด
เป้าหมาย
- ลดระดับไขมัน Triglyceride
- เพิ่มระดับไขมัน HDL
- ลดระดับไขมัน LDL
- Fibrate (PPAR alpha agonists)จะลดไขมันและความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
- Statin ใช้ลดไขมันโดยเฉพาะ ApoB-containing lipoproteins และมีรายงานว่าลดอุบัติการของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
- การใช้ยา 2 ชนิดร่วมกันอาจจะเกิดผลข้างเคียงจากยา
- ควรจะเริ่มรักษาเมื่อความดันโลหิต เท่ากับ 140/90 มม.ปรอท
- สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานควรจะเริ่มรักษาเมื่อความดันโลหิต 130/80 มม.ปรอท
- เชื่อว่ายาในกลุ่ม Angiotensin converting enzyme inhibitors[เช่น enarapril,perindopril ]and angiotensin receptor blockers[cozaar,valsartane ] จะช่วยลดโรคแทรกซ้อน แต่จากหลักฐานปัจจุบันเชื่อว่าเกิดจากยาลดความดันโลหิตมากกว่า
- ยาที่เพิ่มให้การออกฤทธิ์ของอินซูลินดีขึ้น เช่น Metformin, thiazolidinediones
- aspirin เพื่อป้องกันหลอดเลือดแข็ง
- งดบุหรี่
ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงข้อใดข้อหนึ่ง เช่น อ้วน น้ำตาลในเลือดสูง ควรจะปรึกษาแพทย์
ทบทวน 07/01/2006
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น